เรามีภารกิจที่สำคัญรออยู่ : เอ็นโซ่ มาเรสก้า
มาเรสก้า วัย 43 ปี เซ็นสัญญากับทัพ “จิ้งจอกสยาม” ถึงปี 2026 หลังก่อนหน้านี้เพิ่งทำหน้าที่เป็นทีมงานผู้ฝึกสอนของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พร้อมกับมีส่วนช่วยให้ทัพ “เรือใบสีฟ้า” คว้า “ทริปเปิ้ลแชมป์” อย่าง พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาล 2022/23 ที่ผ่านมา
หลังจากนี้ มาเรสก้า จะเริ่มงานทันที พร้อมตั้งเป้าที่จะประสบความสำเร็จในการคุมทีมสโมสรอังกฤษครั้งแรกในชีวิตให้ได้ โดย เทรนเนอร์ชาวอิตาลี มีเป้าหมายสำคัญคือ การพา เลสเตอร์ เลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลเดียวให้ได้
“ผมตื่นเต้นมาก ๆ ที่จะได้ร่วมงานกับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ และเราจะมีภารกิจที่ยิ่งใหญ่ในฤดูกาลใหม่ที่จะมาถึง”
“ผมหวังว่าจะพาทีมทำผลการแข่งขันให้ดีที่สุด และหลังจากนั้น เราจะค่อยๆ หลอมรวมความคิด และวิธีการเล่นที่ผมอยากให้ทีมทำได้ในทุกๆ วัน ผมต้องการนำปรัชญาของผมใส่ลงไป แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องเล่นเพื่อชัยชนะในทุกเกม”
“สำหรับผมแล้ว เลสเตอร์ ซิตี้ คือ ทีมใหญ่ เป็นทีมระดับพรีเมียร์ลีก แต่แน่นอนว่า ในความจริง เราตกชั้นไปแล้ว และมันสำคัญมากที่จะทำให้ทุกคนในทีมเข้าใจว่า เรากำลังเล่นใน แชมเปี้ยนชิพ เราต้องห้ามประมาทใคร ๆ”
“เราจำเป็นต้องเปลี่ยนบางอย่างก่อน และจากนั้น เราจะค่อยสร้างบางอย่างขึ้นมาเหมือนกัน”
มาเรสก้า เชื่อว่า เลสเตอร์ มีศักยภาพที่ยอดเยี่ยม และตัวเขาหวังที่จะพาสโมสรกลับไปประสบความสำเร็จเหมือนกับช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้
“ผมตื่นเต้นมาก ๆ ผมรู้ว่า หลังจากนี้ จะมีผู้เล่นบางคนที่อยากย้ายออกไป แต่ไม่เป็นไร เราต้องการเปลี่ยนแปลงเหมือนกัน ผมตื่นเต้นที่จะได้เริ่มสร้างทีมใหม่”
“เมื่อคุณต้องการสร้างทีม คุณรู้ดีว่าเราต้องเปลี่ยนแปลงผู้เล่นในทีม และแน่นอนว่ามันต้องใช้เวลา แต่ว่า มันน่าตื่นเต้นเสมอ”
“สิ่งแรกที่ต้องสร้างใหม่ก็คือ ความมั่นใจ ไม่ใช่แค่กับผู้เล่น แต่เป็นกับทั้งสโมสร สำหรับผู้เล่นที่อยู่ต่อ พวกเขาต้องเปลี่ยนทัศนคติและสภาพจิตใจ คนที่จะย้ายเข้ามา ต้องรู้ว่า เลสเตอร์ คือ สโมสรที่กระหายในชัยชนะเสมอ"
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาต้องเข้าใจและรู้ว่าเรากำลังเล่นในลีกรองของประเทศ เราต้องกระหายชัยชนะให้มากกว่าปีก่อน ๆ ด้วยซ้ำ”
หลังจากนี้ มาเรสก้า จะคุมทีมฝึกซ้อมและประเดิมคุมทีมนัดแรกในเกมอุ่นเครื่องนัดบุกเยือน นอร์ทแธมป์ตัน ทาวน์ ในวันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม ก่อนที่จะพาทีมเดินทางไปเอเชีย เพื่ออุ่นเครื่องกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ ลิเวอร์พูล ที่ กรุงเทพ และ สิงคโปร์ ต่อไป
“สิ่งแรกคือเราต้องโฟกัสที่ทีมของเรา นักเตะของเรา และลองหาทางให้พวกเขาเล่นฟุตบอลในแบบที่เราอยากให้เป็น ตามปรัชญาที่เราวางไว้ ผมคิดว่านี่คือสิ่งสำคัญที่สุด”
“เรามีเกมอุ่นเครื่องหลายเกมรออยู่ บางเกมเจอกับทีมจากลีกรอง บางเกมเจอกับทีมจากพรีเมียร์ลีก ผมมองทุกเกมสำคัญหมด ผมไม่ได้สนใจผลการแข่งขันมากนัก แต่ผมสนใจว่าทีมสามารถทำตามที่ผมต้องการได้มากแค่ไหน”
นอกจากนี้ อดีตแข้งยูเวนตุส ยังคาดหวังให้ทุกคนในทีมทุ่มเทเต็มที่เพื่อสโมสร และภูมิใจที่ได้สวมเสื้อของ เลสเตอร์ ซิตี้
“สิ่งที่ผมต้องการจากทุกคนคือ ความทุ่มเท 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่า นี่คือสิ่งที่สโมสรควรได้รับ มันเป็นหน้าที่ของเราทุกคน และหลังจากนั้น เราจะค่อยๆ พัฒนาไปด้วยกันในทุกวัน”
สุดท้าย มาเรสก้า เล่าถึงชีวิตและประสบการณ์การคุมทีมที่ผ่านมา รวมทั้งพูดถึงการได้ “ทริปเปิ้ลแชมป์” กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
“ผมเริ่มต้นด้วยการเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมก่อน ผมช่วยงาน มานูเอล เปเยริกินี่ ตอนคุม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เป็นอย่างแรก”
“จากนั้นผมรับตำแหน่ง ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี แล้วก็กลับไปคุมทีมสั้น ๆ กับ ปาร์ม่า ใน อิตาลี หลังจากนั้น เป๊ป ก็ชวนผมมาช่วยงานที่ ซิตี้ ผมยกย่องให้เขาเป็นผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในโลก และตอนนี้ผมมาอยู่กับ เลสเตอร์ ในฐานะ ผู้จัดการทีม เองบ้าง”
“ฤดูกาลที่ผ่านมาเป็นฤดูกาลสุดมหัศจรรย์ของ ซิตี้ และผมต้องบอกตามตรงว่า พวกเขาสมควรที่จะประสบความสำเร็จแบบนั้นแล้ว ทุกอย่างในสโมสรสุดยอดมาก โดยเฉพาะกับทรัพยากรมนุษย์ที่พวกเขามีในทุกส่วนของสโมสร”
“นั่นคือพื้นฐานสำคัญของการที่จะประสบความสำเร็จ และพวกเขามีทุกอย่างแบบนั้น พวกเขาจึงประสบความสำเร็จได้ ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาเป็นคนดีกันหมด และนั่นทำให้ทุกอย่างดีขึ้นไปอีก” มาเรสก้า ปิดท้าย